วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

เคล็ดลับเกียรตินิยมตอนที่ 5 : สมาธิกับเกียรตินิยม

             



                     บางครั้งเทคนิคต่างๆ ที่เราใช้จะไม่ได้ผลเลยถ้าขาดสมาธิ ในสมัยพุทธกาลเคยมีเรื่องเช่นเดียวกันนี้ มีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ จูฬปันถก พระพี่ชายชื่อ มหาปันถก ท่านจะเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็เลยมาชวนน้องชายไปบวช ตั้งใจจะสอนน้องชายให้เป็นพระอรหันต์ตามไปด้วย ปรากฏว่าแค่สอนคาถาให้คาคาเดียวมีอยู่ 4 บท บาทหนึ่งก็ประมาณครึ่งบรรทัด พระน้องชายเรียนอยู่ 4 เดือน แม้แต่บาทเดียวคือครึ่งบรรทัดยังท่องไม่ได้เลย จนพระพี่ชายบอกว่าไม่ไหวคงไม่มีวาสนาในการบวช
                    บอกน้องว่า "สึกเถอะ เธอไปไม่รอดแล้ว"
                    พระจูฬปันถกเสียใจมาก ไม่รูจะทำอย่างไร ก็เลยคิดว่าจะสึก ระหว่างที่กำลังน้อยอกน้อยใจในโชควาสนาของตัวเอง ขณะที่จะเดินไปสึกนั่นเอง
                    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็น เลยถามว่า "จูฬปันถก เธอจะไปไหน"
                    พระจูฬปันถกกราบทูลว่า "จะมาลาสิกขา พระเจ้าข้า"
                    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบอกว่าไม่ต้องสึก แล้วก็ประทานผ้าขาวให้ผืนหนึ่งให้ถือไว้และให้ลูบไป พร้อมทั้งให้บริกรรมภาวนาไปด้วยว่า "ระโชหะระณัง ระโชหะระณัง" แปลว่า ผ้าเช็ดธุลี ผ้าเช็ดธุลี
                    พระจูฬปันถกดีใจ ก็เอาผ้าขาวมาลูบ แล้วก็ภาวนาไป ลูบไปๆ หลายชั่วโมงเข้า ลืมตาดู เอ๊ะ ผ้าขาวเริ่มเป็นสีมอๆ แล้ว ผ้าขาวเปื้อนเหงื่อไคล เป็นสีมอๆ เลยได้คิดว่าผ้าขาวที่ขาวบริสุทธิ์ พอถูกต้องมือเรานานๆ เข้ายังเป็นสีมอๆ ได้เลย ตัวเรานี่ช่างไม่สะอาดจริงๆ เลย เป็นสิ่งที่ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
                    พอใจเริ่มคลายความยึดมั่นถือมั่นตรงนี้ไปได้ ใจก็เริ่มเป็นสมาธิตั้งมั่นมากขึ้นๆ ดิ่งลงไป เจริญวิปัสสนากรรมฐานจนสุดท้ายหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ตรงนั้นเอง บรรลุปฏิสัมภิทาญาณ 4 คือ แตกฉานในอรรถ ในธรรม ในนิรุตติ ในปฏิญาณ การแสดงธรรมทุกเรื่องพรั่งพร้อมทุกอย่าง สุดท้าย ได้รับการยกย่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ที่เลิศ เป็นอัจฉริยะทางด้านมโนยิทธิ คือ มีฤิทธิ์ทางใจ
 มาก
                   เห็นไหมครับ แม้แต่พระซึ่งมิสามารถท่องบทสวดมนต์เพียง 4 บาท ได้ แต่หากมีสมาธิแล้ว ไซร้ก็สามารถกลายเป็นอัจฉริยะ และเชี่ยวชาญด้านในด้านหนึ่งได้เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น